ฮาโกเน่ (Hakone)
ฮาโกเน่ Hakone เมืองแสนสวยที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียวห่างออกมาราว 100 กิโลเมตร แต่เราสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ หรือถ้าหากอยากแช่น้ำร้อนนอนออนเซ็นก็สามารถหาเรียวกังพักค้างคืนได้ เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องน้ำพุร้อนและน้ำแร่ธรรมชาติจากภูเขาไปที่ยังครุกรุ่นอยู่
วิธีเดินทางจากโตเกียวและโยโกฮาม่าสู่เมืองฮาโกเน่
1. จากสถานี Tokyo นั่ง JR Tokaido Line ผ่าน Yokohama ลงที่สถานี Odawara ใช้เวลาเดินทาง 70 – 90 นาที ค่าโดยสาร 1,450 เยน
2. จากสถานี Yokyo นั่ง JR Shinkansen Tokaido Line (เฉพาะขบวน Kodama และบางขบวน Hikari) ผ่านสถานี Shin-Yokohama ลงที่สถานี Odawara ใช้เวลาแค่ 40 นาที ค่าโดยสาร 3,640 เยน (ผู้มีบัตร JR Rail Pass ขึ้นบวนนี้ได้เลย เร็วกว่าเห็น ๆ อย่าลืมนะ)
3. จากสถานี Shinjuku นั่ง JR Shonan Shinjuku Line ผ่าน Yokohama ลงที่สถานี Odawara ใช้เวลาเดินทาง 70-90 นาที ค่าโดยสาร 1,450 เยน
4. จากสถานี Shinjuku นั่ง Odakyu Railways ผ่าน Odawara ลงที่สถานี Hakone-Yomoto รถธรรมดาใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 1,150 บาท หากอยากสบายและถึงไวให้จองตั๋วขบวน “Romance Car” Limited Express ใช้เวลาเดินทาง 85 นาที ค่าโดยสาร 2,020 เยน
5. รถบัส Odakyu Hakone Highway Bus จากสถานี Shinjuku ถึง Togendai ริมทะเลสาบอาซิ (Lake Ashi) ใช้เวลาเดินทาง 90-120 นาที ค่าโดยสาร 2,000 เยน
การเดินทางท่องเที่ยวในฮาโกเน่นั้นต้องใช้พาหนะหลายแบบทั้งรถไฟ รถรางเคเบิ้ลคาร์กระเช้าไฟฟ้า เรือและรถบัส ครบทุกรสชาติการเดินทาง แต่ค่าโดยสารนั้นแพงมากดังนั้นจึงขอแนะนำตั๋วแบบเหมาจ่าย จะทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าได้บ้าง
ตั๋วฮาโกเน่ Free Pass
เป็นตั๋วที่ใช้เดินทางไป – กลับระหว่างโตเกียวกับฮาโกเน่รวมทั้งใช้โดยสารรถบัส เคเบิ้ลคาร์ กระเช้าไฟฟ้า รวมทั้งล่องเรือในทะเลสาบอาซิ จำนวน 1 รอบ มีให้เลือกหลายแบบดังนี้
– เดินทางจากสถานี Shinjuku โดย รถไฟ Odakyu Railways วันหยุด ผู้ใหญ่ 5,500 เยน เด็ก 2,750 เยน วันธรรมดา (Weekdayspass) ผู้ใหญ่ 4,700 เยน เด็ก 2,350 เยน หาซื้อได้ที่สำนักงาน Odakyu Sightseeing Service Center ที่สถานี Odakyu Shinjuku
– เดินทางจากสถานี Odawara/Gotemba วัน หยุด ผู้ใหญ่ 4,130 เยน เด็ก 2,070 เยน วันธรรมดา (Weekdayspass) ผู้ใหญ่ 3,410 เยน เด็ก 1,700 เยน ซื้อตั๋วได้ที่สำนักงาน Odakyu Travel ภายในสถานี Odawara เหมาะสำหรับผู้ที่มีบัตร JR Rail Pass เพราะสามารถใช้บัตรนี้เดินทางไปได้ไกลสุดที่สถานี Odawara เท่านั้น
มีบัตร JR Rail Pass จึงนั่งรถไฟชินคันเซ็นจากสถานี Shin-Yokohama รวดเดียวราว 17 นาทีก็ถึงสถานี Odawara แล้ว สถานีโอดาวาร่า เป็นสถานีใหญ่ ภายในมีทั้งร้านค้าร้านอาหาร จึงแวะทางข้าวเช้าเพิ่มหลังให้อิ่มก่อนซะที่นี่ (หรือจะซื้อข้าวกล่องติดตัวไปด้วยสักกล่องก็ไม่เลวครับ) เพราะหลังจากนี้ต้องขึ้นเขา ลงห้วย นั่งกระเช้า สถานที่จะไปในวันนี้อยู่บนเขาสูงอาจจะหาร้านอาหารยากสักหน่อย ซึ่งก็คิดไม่ผิดครับ ถึงมีก็มีให้เลือกไม่มาก แถมราคาแพงและการเดินทางของเส้นทางในวันนี้นั้นทรหดจริง ๆ รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเยอะมาก ๆ (วันที่ผมไปนั้นเป็นวันเสาร์) เพราะสถานที่ท่องเที่ยวรอบ ๆ ภูเขาไฟฟูจิเนี่ยเป็นที่นิยมมากของทั้งคนญี่ปุ่นรวมทั้งนักท่องเที่ยวต่าง ชาติ เป็นอย่างไรเราไปดูกันเลย
จากสถานี Odawara ต้องนั่งรถไฟ Osakyu ที่วิ่งมาจาก Shinjuku ไปลงที่สถานี Hakone-Yomoto ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพื่อไปต่อรถไฟสายคลาสสิค Hakone Tozan Railways ที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการตะลุยเที่ยวฮาโกเน่
สถานที่ท่องเที่ยว ห้ามพลาดในฮาโกเน่
-
Hakone Tozan Railways รถไฟสายคลาสสิค
รถไฟสายภูเขา (Mountain Railways) สายนี้วิ่งจากสถานี Hakone-Yomoto สิ้น สุดที่สถานนี Gora เป็นขบวนสั้นๆ มีเพียง 3 โบกี้สีส้มแดงสดใส วิ่งลัดเลาะไปตามเชิงเขาที่มีต้นไม้เขียวชอุ่มผ่านสะพานเหล็กข้ามหุบเหว เรียกความหวาดเสียวได้เล็กน้อย อุโมงค์สั้นๆอีกหลายแห่งและจอดที่สถานีเล็กๆบนเขา เพื่อรอให้ขบวนรถที่วิ่งสวนมาผ่านไปก่อน ด้วยพื้นที่ที่เป็นภูเขาไม่สามารถตัดเส้นทางรถไฟเป็นวงโค้งขึ้นไปได้ จึงใช้วิธีวิ่งสลับกันระหว่างหัวขบวนกับท้ายขบวน (ถอยหลังขึ้น) ดังนั้น แนะนำให้นั่งตรงหัวหรือท้ายขบวนจะได้เห็นวิธีการนำรถไฟขบวนนี้ค่อยๆคืบคลาน ขึ้นสู่ระดับความสูงบนยอดเขา
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาทีก็ถึงสถานีปลายทาง Gora Station ค่าโดยสาร 390 เยน (ค่าโดยสารตั้งแต่สถานี Odawara ถึง Gora ราคา 650 เยน) ผู้ที่มีตั๋ว Hakone Freepass สามารถใช้ขึ้นรถไฟสายนี้ได้
-
พิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้ง (The Hakone Open=Air Museum)
ภายในจัดแสดงผลงานศิลปะทั้งของศิลปินชาวญี่ปุ่นและ ต่างชาติ อาทิ Rodin, Bourdelle, Miro, Moore, Vangi และ Taro Okamoto เป็นต้น ท่ามกลางหุบเขาและเนินหญ้าจึงได้บรรยายการชมผลงานศิลปะผสมกับธรรมชาติ มีผลงานจัดวางแสดงกลางแจ้งมากกว่า 100 ชิ้น บนพื้นที่ 70,000 ตารางเมตร
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ พ.ศ.2512 นอกจากผลงานที่จัดแสดงกลางแจ้งแล้ว ยังมีห้องจัดแสดงในอาคาร ที่น่าสนใจคือ Picasso Pavilion จัดแสดงผลงานของศิลปินชื่อก้องโลก “ปิกัสโซ่” มากกว่า 300 ผลงาน รวมทั้งภาพวาด ภาพเขียน ภาพพิมพ์ เซรามิค และชิ้นงานแปลกๆให้ชมอีกหลายชิ้น
ก่อนออกมาจะแวะซื้อของที่ระลึกหรือหาข้าวรับประทานกันก่อนก็ได้ เพราะภายในมีร้านขายของฝากของที่ระลึกและร้านอาหาร
เวลาเปิดบริการ เดือนมีนาคม-พฤศจิกายน 09.00-17.00 น. เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ 09.00-16.00 น.
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 1,600 เยน ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปและเยาวชน 1,100 เยน เด็กประถม 800 เยน
การเดินทาง เดินจากสถานี Chokoku-no-mori ของรถไฟสาย Hakone Tozan Railways ประมาณ 2 นาที
-
Hakone Kora Park
เดินตามถนนเลียบทางรถไฟขึ้นไปราว 10 นาทีก่อนถึงสถานี Gora เห็นป้ายทางไปยังสวน Gora Park ชี้ ขึ้นไปบนเนินเขาสูงชัน ทำเอาถอดใจไปเหมือนกันแต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว สู้ ๆๆ มาถึงขนาดนี้แล้วถอยไม่ได้กว่าจะเดินถึงและหาทางเข้าเจอ ทำเอาใจสั่นไปเหมือนกัน ภายในสวน Gora Park มีสวนหินขนาดใหญ่ ต้นไม้ ดอกไม้ นานาพันธุ์ และสระน้ำพุยักษ์ (igantic Fountain Pond)
-
Sounzan Cable Car
จากนั้นค่อยเดินลงเขา ไปขึ้นรถรางเคเบิ้ลคาร์ (Sounzan Cable Cae) ที่สถานี Gora เพื่อขึ้นไปยังสถานี Sounzan บน ยอดเขาที่ระดับความสูง 761 เมตร รถเคเบิ้ลมีเพียงแต่ 2 ตู้ออกทุก 15-30 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 นาที แวะจอดตามสถานีเล็ก ๆ ตามรายทางที่ค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ อีก 3-4 สถานี ค่าโดยสาร 410 เยน ด้วยจำนวนรถที่น้อยและนาน ๆ ออกที จึงทำให้บนรถอัดแน่นด้วยผู้โดยสารเหมือนปลากระป๋อง
-
กระเช้าไฟฟ้า Hakone Ropeway
จากสถานี Sounzan นั่งกระเข้าไฟฟ้า (Rope-way) ไปอีก 7 นาทีจะถึงสถานี Owakudani ระหว่างทางมองลงไปข้างล่างจะเห็นควันจากบ่อกำมะถันที่พวยพุ่งขึ้นมาจาก ภูเขา อย่าลืมลงแวะดูแวะชิมไข่ดำก่อนนะกระเช้าช่วงนี้จะรับผู้โดยสารได้กระเช้าละ 8 คน
แวะชิมไข่ดำเสร็จแล้ว กลับมาขึ้นกระเช้าต่อช่วงนี้กระเช้ามีขนาดเล็กลง จุผู้โดยสารได้ครั้งละ 3-4 คนเท่านั้น ผ่านสถานี Ubako ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจใช้เวลา 18 นาที ก็จะถึงสถานี Todendai เพื่อลงล่องเรือในทะเลสาปอาชิต่อไป ระหว่างทางบนกระเช้าและที่สถานี Owakudani ซึ่งอยู่ที่ระดับความสูง 1,044 เมตร ในวันที่อากาศแจ่มใส จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน
ค่าโดยสารกระเช้าไฟฟ้าทั้งสองช่วง เที่ยวเดียว 1,330 เยน ไป – กลับ 2,340 เยน
-
แวะชิมไข่ดำ (Black Egg) ที่ Owakudani
จากสถานีกระเช้า Owakudani มอง ขึ้นไปบนเขา เห็นควันพวยพุ่งขึ้นมา เดินตามทางไปประมาณ 15 นาทีก็จะถึงบริเวณบ่อกำมะถันที่ใช้ต้มไข่ ระหว่างทางได้กลิ่นกำมะถัน (Sulfurous) โชยมาตลอด น้ำที่ไหลเป็นทางลงมาก็เป็นสีขวาขุ่น เมื่อลองสัมผัสดูจึงรู้ว่าเป็นน้ำอุ่น เพราะบริเวณนี้เป็นเขตภูเขาไฟเก่า จึงยังมีความร้อนจากใต้พื้นพิภพดันขึ้นมา ทำให้น้ำบริเวณนี้มีความร้อนพอที่จะต้มไข่ให้สุดได้ ที่นี่ไม่ได้มีไข่ดิบวางขายเพื่อให้ไปต้มเองหรอนะครับ เขาจะมีไข่ที่ต้มเสร็จแล้ววางจำหน่ายแพ็คละ 6 ฟอง ราคา 500 เยน แล้วก็ใช้ไข่ไก่ใบโต ๆ มีความเชื่อว่าถ้ารับประทานไข่ดำ 1 ฟอง จะมีอายุยืนขึ้นอีก 7 ปี
ไข่ดำที่ว่านี้เกิดจากน้ำที่ใช้ต้มไข่มีส่วนผสมของ กำมะถันนั่นเอง เมื่อต้นจนสุกแล้วเปลือกไข่จึงเป็นสีดำ และดำเฉพาะส่วนที่เป็นเปลือกด้านนอกเท่านั้น เปลือกด้านใน ไข่ขาวกับไข่แดงภายในยังคงเป็นปกติ ไม่เปลี่ยนสีแต่อย่างใด รสชาติก็ไข่ต้มทั่วไป (แต่กินแล้วอายุยืนขึ้นอีก 7 ปีนี่ซิ ทำให้ไข่ดำขายดี จนต้มขายแทบไม่ทัน นับถือคนคิดแผนการตลาดนี้จริง ๆ)
- ล่องเรือโจรสลัดท่องทะเลสาปอาชิ (Ashi Lake)
ตอนที่ผมไป กระเช้าไฟฟ้าช่วงระหว่างสถานี Owakudani กับ Togendai นั้นกำลังปิดปรับปรุงอยู่ จึงต้องได้นั่งรถบัสลงมาที่สถานี Togendai แทน แต่ก็ไม่เป็นไรถึงเหมือนกันแถววิ่งไปส่งยังท่าลงเรือสำหรับล่องทะเลสาบอาชิกันเลย
ไปถึงเห็นเรือจอดเทียบท่ารออยู่แล้ว ถ้าใช้ตั๋ว Hakone Freepass ต้องไปลงเรือของบริษัท Hakone Kankosen Boat เพราะเรือที่อยู่ท่าถัดไปเป็นของอีกเจ้าหนึ่ง (Hakone Senpaku Boat) ที่ดูแล้วเรือที่แล่นให้บริการไม่สวยอลังการเท่าเจ้าแรก
ถ้าไม่มีตั๋ว Hakone Freepass ค่าโดยสารไปยังท่า Hakonemachi จะอยู่ที่ราคา 970 เยน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที เรือที่เห็นอยู่นั่นตกแต่งได้สวยงามแบบย้อนยุคคล้ายเรือโจนสลัดขณะที่ล่องไป ในทะเลสาบ จะวิ่งสวนผ่านละอื่น ๆ ที่ตกแต่งได้สวยงามแบบย้อนยุดคล้ายเรือโจรสลัดขณะที่เรือแล่นไปบางช่วง สามารถมองเห็นภูเขาไฟ
ก่อนจะถึงท่าเรือ Hakonemachi จะเห็นเสาโทริอิสึแดงของศาลเจ้าฮาโกเน่ (Hakone jina Shrine) ตั่งอยู่กลางน้ำริมฝั่งทะเลสาบ บางทีจะเห็นชาวประมงกำลังพายเรือตกปลา ทะเลสาปอิชิแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาเทราห็ (Trout) ตัวใหญ่ ๆ
ทะเลสาบอาชิ (Lake Ashi , Ashion-ko) ตั้ง อยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 725 เมตร มีระยะทางโดยรอบริมทะเลสาป 21 กิโลเมตร มีโรงแรมแบบญี่ปุ่น หรือเรียวกังที่มีบริการบ่อน้ำแร่ธรรมชาติเปิดบริการหลายแห่งตามริมฝั่งแม่ น้ำหลายสายที่ไหลลงสู่ทะเลสาปแห่งน้ำหากมีเวลาปละอยากสัมผัสบรรยากาศ ธรรมชาติจริง ๆ ก็สามารถหาที่พักค้างคืนได้