เที่ยวโคลัมเบีย กับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต น่าไปตลอดทั้งปี
เที่ยวโคลัมเบีย ประเทศโคลอมเบียเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายเหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ตั้งแต่ชายหาดอันขาวสะอาดตามแนวทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแปซิฟิก ไปจนถึงเทือกเขาแอนดีสและป่าดิบชื้นแอมะซอน โคลอมเบียมีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่สมัยที่คนพื้นเมืองอาศัยอยู่จนถึงการเข้ายึดครองของชาวสเปนในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 ในอดีตประเทศนี้ไม่ปลอดภัยที่จะมาท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันรัฐบาลได้ทุ่มเทอย่างหนักจนประเทศปลอดภัยยิ่งขึ้น สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของประเทศนั้นมี ดังนี้
10.โปปายัน (Popayan)
เมืองโปปายันได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 1357 ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ และด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่น จึงดึงดูดเศรษฐีชาวสเปนเข้ามาตั้งรกรากและก่อสร้างโรงเรียน โบสถ์ และอาคารจำนวนมาก เมืองนี้มีชื่อเล่นว่า “เมืองสีขาว” เนื่องจากอาคารบ้านเรือนล้วนใช้สีเขียวขาวชอล์ก สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในเมืองนี้จะมีโบสถ์เออร์มิตา (Iglesia de Ermita) ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สุดในเมืองนี้ และโบสถ์ซานฟรานซิสโก (Iglesia de San Francisco) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่สวยที่สุดของเมือง โปปายันยังมีชื่อเสียงจากพิธีสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์และแสงสียามค่ำคืนด้วย
9.เมเดยิน (Medellin)
เมืองเมเดยินตั้งอยู่ในหุบเขาอเบอร์รา (Aburrá Valley) แห่งเทือกเขาแอนดีส ในอดีตเมเดยินได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่อันตรายที่สุดในโลก เนื่องจากเป็นบ้านของขบวนการลักลอบค้าโคเคนชื่อดัง แต่หลังจากที่ ปาโบล เอสโกบาร์ พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่เสียชีวิตในปี 1993 เมืองแห่งนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบัน เมเดยินต้อนรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเดินทางมาสัมผัสเมืองอันทันสมัยภายใต้อากาศสบายๆ เพียง 24 องศาเซลเซียส ตลอดปี เมืองนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องดอกไม้สวยงามด้วย โดยมีการจัดเทศกาลดอกไม้ในเดือนสิงหาคมเป็นประจำทุกปี
8.ซานอันเดรสและโปรบิเดนเซีย (San Andrés y Providencia)
ซานอันเดรสและโปรบิเดนเซียเป็นจังหวัดหนึ่งในโคลอมเบีย ประกอบด้วยหมู่เกาะต่างๆ ในทะเลแคริบเบียน โดยซานอันเดรสซึ่งมีจุดเด่นในหาดทรายสีขาวตัดกับต้นมะพร้าวเรียงรายเป็นฉากหลังนี้ เป็นหมู่เกาะใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของจังหวัด เนื่องด้วยทะเลแคริบเบียนอุดมไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด หมู่เกาะนี้จึงเหมาะแก่การดำน้ำสน็อกเกิลและดำน้ำลึกเป็นอย่างยิ่ง
7.ซานอากุสติน (San Agustin)
ซานอากุสตินเป็นเมืองเล็กๆ ล้อมรอบด้วยทิวทัศน์อันงดงามและซากอารยธรรมโบราณต่างๆ โดยเมืองนี้เป็นที่ตั้งของอุทยานโบราณคดีซานอากุสติน (San Agustin Archeological Park) ซึ่งเป็นบ้านของเสาหินขนาดใหญ่ รูปปั้น ศิลปะสกัดหิน (petroglyph) และโลงศพหิน (sarcophagi) มากกว่า 500 ชิ้น งานแกะสลักหินเหล่านี้ส่วนมากสร้างขึ้นระหว่างปีที่ 100 ถึง 1,200 แต่กลับไม่ทราบชื่อผู้สร้างสรรค์ชิ้นงานเหล่านี้
6.โซน่าคาเฟ่เทรา (Zona Cafetera)
โซน่าคาเฟ่เทรา (หรืออีกชื่อว่า Eje Cafetero) เป็นแหล่งปลูกกาแฟตามที่ลาดเชิงเขาเทือกเขาแอนดีสที่มีกำลังการผลิตเกือบครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตกาแฟของทั้งประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวในแถบนี้ประกอบด้วยสวนสนุก Parque Nacional del Café ที่เป็นทั้งสวนพฤกษศาสตร์ โรงงานผลิตกาแฟให้ผู้มาเยือนเรียนรู้เกี่ยวกับกาแฟ และสวนสนุกในตัว ตลอดจนถึงหอคอยแห่งมหาวิหารแห่งมานิซาเลส (Catedral de Manizales) ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ของเมืองมานิซาเลส ซานตาโรซา (Santa Rosa) และซานวิเซนเต (San Vincente) ที่เป็นแหล่งบ่อน้ำพุร้อนชั้นดี เป็นต้น
5.ซานกิล (San Gil)
ซานกิลเป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองนี้ได้รับการขนานนามว่าเมืองแห่งการท่องเที่ยวแห่งภูมิภาคในปี 2004 จากกิจกรรมกลางแจ้ง อย่างการขี่จักรยานเสือภูเขา ล่องแก่งและพายเรือแคนู สำหรับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเมืองนี้มีทั้งมหาวิหารที่สร้างขึ้นในปี 1791 ลาลิแบร์ตัด (Parque La Libertad) ศูนย์กลางสังคมเมือง อุทยานแกลลิเนอรัล (Parque El Gallineral) ริมแม่น้ำ และมาร์เก็ตสแควร์ (Plaza de Mercado) ที่นักท่องเที่ยวสามารถลิ้มลองอาหารท้องถิ่นหลากหลายชนิดได้
4.วิลล่าเดเลย์วา (Villa de Leyva)
วิลล่าเดเลย์วาอาจเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากกรุงโบโกตาไป 4 ชั่วโมงด้วยการขับรถ แต่จัตุรัสมายอร์ (Plaza Mayor) ที่ตั้งอยู่ในเมืองนี้กลับเป็นหนึ่งในจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองและเทศกาลต่างๆ เป็นประจำ เมืองนี้ผสมผสานสถาปัตยกรรมอิทธิพลจากชาวสเปนและชาวมัวร์ไว้อย่างลงตัว และยังเป็นที่ตั้งของโรงกลั่นสุราแห่งแรกของเขตอุปราชแห่งนิวกรานาดา (พื้นที่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิสเปน ซึ่งรวมถึงโคลอมเบีย) อีกด้วย
3.โบโกตา (Bogota)
กรุงโบโกตาเป็นเมืองหลวงของโคลอมเบียและเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ เมืองหลวงซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีสที่ระดับความสูง 2,640 เมตรนี้ มีสิ่งดึงดูดใจนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย ทั้งหอดูดาว พิพิธภัณฑ์ทองคำ สวนพฤกษศาสตร์ การแสดงด้านศิลปะและวัฒนธรรม และแสงสียามค่ำคืน ใครที่ต้องการสัมผัสย่านประวัติศาสตร์อันเก่าเก่าขอแนะนำให้ไปเยือน แคนเดอลาเรีย (La Candelaria) ที่เต็มไปด้วยคาเฟ่ โบสถ์ และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ กรุงโบโกตาได้ชื่อว่าเป็น “กรุงเอเธนส์แห่งอเมริกาใต้” เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาจำนวนมากเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากการย้ายถิ่นฐานของประชากรมาอาศัยในเขตเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
2.อุทยานแห่งชาติไทโรน่า (Tayrona National Park)
อุทยานแห่งชาติไทโรน่าตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศ ใครที่มาเยือนอุทยานนี้จะได้สัมผัสกับระบบนิเวศที่หลากหลาย ทั้งหนองน้ำ ทุ่งหญ้าและไม้พุ่ม และป่าหมอก ตลอดจนถึงชายหาดบนอ่าวที่เรียงรายไปด้วยต้นมะพร้าวซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่สวยที่สุดของประเทศ กิจกรรมที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวมีทั้งการส่องแร้งคอนดอร์แอนดีสที่ใกล้สูญพันธุ์ ส่องสัตว์ ดำน้ำสน็อกเกิล และปีนเขา นอกจากธรรมชาติแล้ว ผู้มาเยือนจะได้พบกับแหล่งโบราณสถานของชาวไทโรน่า ชนพื้นเมืองที่เคยอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ อย่าง ปัวร์โตแชร์รามา (Pueblito Chairama) ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนหลักของชาวไทโรน่าอีกด้วย
1.การ์ตาเฮนา (Cartagena)
การ์ตาเฮนาเป็นเมืองท่าอันแสนวุ่นวายนับตั้งแต่อดีตที่เมืองนี้เป็นท่าเรือที่สำคัญในทะเลแคริบเบียน การ์ตาเฮนาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการปกป้องด้วยกำแพงอย่างแน่นหนาที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งปัจจุบันยังสามารถเห็นการป้องกันนี้ได้อย่างชัดเจน ใครที่จะมาเยือนเมืองนี้แนะนำว่าให้ไปเดินเล่นในย่านเมืองเก่าหลากสีสันเพื่อสัมผัสกับสถาปัตยกรรมสมัยอาณานิคม และโบกาเกรนเด้ (Bocagrande) ชายหาดยาวที่เรียงรายไปด้วยตึกสูงอย่างโรงแรมและคอนโดมิเนียมเป็นฉากหลังอันสวยงามในยามค่ำคืน