เที่ยวเอกวาดอร์ 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวสุดประทับใจ ที่คุณต้องมาเยือน!
เที่ยวเอกวาดอร์ ใครที่กำลังวางแผนเที่ยวประเทศนี้อยู่ พูดเลยว่าเป็นประเทศที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเอกวาดอร์เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ภายใต้ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติต่างๆ ตั้งแต่ป่าฝนเขตร้อนอันเขียวชอุ่มไปจนถึงภูเขาไฟซึ่งปกคลุมไปด้วยธารน้ำแข็ง ไม่ว่าจะเลือกสำรวจโบสถ์อันวิจิตรงดงามในกรุงกีโต เมืองหลวงของประเทศ หรือจะล่องแก่งไปตามลำน้ำสาขาของแม่น้ำแอมาซอนก็ตาม นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเอกวาดอร์จะกลับไปด้วยความประทับใจอย่างแน่นอน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับของเอกวาดอร์ที่ไม่ควรพลาดมีดังนี้
10.โบสถ์คณะแห่งพระเยซูเจ้า (Compañía de Jesús) กรุงกีโต
โบสถ์คณะแห่งพระเยซูเจ้าเป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรุงกีโต (Quito) โดยได้รับการสร้างขึ้นที่ใจกลางเมืองหลวงในช่วงต้นทศวรรษที่ 1600 โบสถ์แห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมบารอกที่เก่าแก่ที่สุดในโลกยุคใหม่ ส่วนภายในโบสถ์จะได้พบกับความตื่นตื่นใจของการปิดแผ่นทองคำตลอดทางเดินยาวระหว่างที่นั่งในโบสถ์จากประตูทางเข้าถึงแท่นบูชา
9.ภูเขาไฟโกโตปักซี (Cotopaxi)
โกโตปักซีเป็นภูเขาสูงที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ โกโตปักซียังเป็นหนึ่งในพื้นที่เส้นศูนย์สูตรไม่กี่ที่บนโลกที่ยังมีธารน้ำแข็งอยู่ โดยธารน้ำแข็งที่คลุมจนถึงยอดเขานี้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากเมืองกีโต และโกโตปักซีแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ปะทุบ่อยที่สุดในโลก
8.รถไฟจมูกปีศาจ (Devil’s Nose)
รถไฟจมูกปีศาจ (ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า Nariz del Diablo) เป็นสายรถไฟระหว่างเมืองอเลาซิ (Alausi) และซิแบม (Sibambe) ชื่อสายรถไฟนี้สืบเนื่องมาจากมีการสูญเสียช่างก่อสร้างไปจำนวนมากกว่าจะแล้วเสร็จ นักท่องเที่ยวที่ได้นั่งรถไฟสายนี้จะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ชนบทแบบพาโนรามาตลอดเส้นทางรถไฟที่สูงชันไปจนถึงเมืองอเลาซิ
7.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคูยาเบโน (Cuyabeno Wildlife Reserve)
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคูยาเบโนซึ่งเป็นอุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศนี้ ก่อตั้งขึ้นในปี 1979 โดยตั้งอยู่เชิงเขาแอนดีส จังหวัดโอเรลลานา (Orellana Province) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านี้เป็นบ้านของนกมากกว่า 500 สายพันธุ์ ลิงอีกกว่า 15 สายพันธุ์ สมเสร็จ เคแมน (caiman) ผีเสื้อ งูอนาคอนดา ตลอดจนถึงสัตว์และแมลงอื่นอีกมากมาย ที่นี่จึงเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการส่องสัตว์ท่ามกลางป่าฝนเขตร้อนเป็นอย่างยิ่ง
6.เตนา (Tena)
เตนาเป็นเมืองในป่าดิบชื้นแอมะซอนและเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในป่าดงดิบของบรรดานักท่องเที่ยวต่างๆ โดยมีแม่น้ำเตนา (Tena River) เชื่อมกับแม่น้ำมิซาอัวยี (Masahualli River) และต่อด้วยแม่น้ำนาโป (Napo River) ลำน้ำสาขาของแม่น้ำแอมะซอนต่อไป เมืองเตนาได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสถานที่ล่องแก่งและพายเรือแคนูที่ดีที่สุดในโลก
5.มองตานิตา (Montañita)
มองตานิตาในอดีตเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงที่เงียบสงบทางตอนใต้ของประเทศ แต่ต่อมาหมู่บ้านนี้ก็โด่งดังขึ้นมากลายเป็นเมืองรีสอร์ทจากการค้นพบว่าเป็นสถานที่เล่นกระดานโต้คลื่นที่เป็นเอกลักษณ์กว่าที่อื่นๆ และมีทิวทัศน์แนวชายฝั่งที่สวยงาม มองตานิตายังมีชื่อเสียงในด้านสถานบันเทิงยามค่ำคืนด้วย โดยมีไนท์คลับ บาร์ และคาเฟ่ตั้งเรียงรายเพื่อให้ความบันเทิงกับคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
4.มหาวิหารนวยว่า (Catedral Nueva) เมืองเกวงกา
เมืองเกวงกา (Cuenca) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของประเทศ เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเนื่องจากมีสภาพอากาศอบอุ่นตลอดปี และเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนวยว่า (New Cathedral of Cuenca) ซึ่งเริ่มก่อสร้างในปลายทศวรรษที่ 1800 ต่อเนื่องนานนับศตวรรษกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ จุดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้อยู่ที่โดมขนาดใหญ่สามโดมบนหลังคาที่ใช้กระเบื้องสีน้ำเงินเคลือบเงานำเข้าจากเชโกสโลวาเกีย
3.ตลาดโอตาวาโล (Otavalo Market)
เมืองโอตาวาโลมีชื่อเสียงระดับโลกจากงานหัตถกรรมของชาวโอตาวาโล ชนพื้นเมืองที่ตั้งรกรากอยู่ที่เมืองแห่งนี้ โดยทุกวันเสาร์จะมีตลาดนัดขายอัญมณี งานแกะสลักจากไม้และหิน และสิ่งทอที่จัตุรัสพอนโช (Plaza de Ponchos) ใครที่มาเยือนเอกวาดอร์ไม่ควรพลาดที่จะมาเลือกซื้องานหัตถกรรมจากช่างฝีมือท้องถิ่นที่ตลาดแห่งนี้
2.โบสถ์ซานฟรานซิสโก (San Francisco Church) กรุงกีโต
โบสถ์ซานฟรานซิสโก (Iglesia y Monesterio de San Francisco) ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าของกรุงกีโต โบสถ์แห่งนี้ก่อสร้างขึ้นในปี 1550 บนพื้นที่ที่เคยเป็นพระราชวังของ อะตาฮวลปา กษัตริย์องค์สุดท้ายของจักรวรรดิอินคามาก่อน โบสถ์นี้มีขนาดใหญ่โตมากและปัจจุบันเป็นที่สะสมผลงานชิ้นเอกระดับโลกหลายชิ้น ซึ่งรวมถึงรูปแกะสลักพระแม่มารีย์มีปีกอันมีชื่อเสียงโดยนักแกะสลักชาวเอกวาดอร์ เบอร์นาโด เด เลการ์ดา ด้วยเหตุนี้ โบสถ์ซานฟรานซิสโกและย่านเมืองเก่าโดยรอบได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดในลาตินอเมริกาอย่างไม่ต้องสงสัย
1.หมู่เกาะกาลาปากอส (Galapagos Islands)
หมู่เกาะกาลาปากอสเกิดขึ้นจากการสะสมตัวของลาวาจากภูเขาไฟ หมู่เกาะแห่งนี้มีชื่อเสียงจากระบบนิเวศเฉพาะตัว ซึ่งเป็นแรงบังดาลใจให้เกิดทฤษฎีการคัดเลือดโดยธรรมชาติ (Theory of Natural Selection) ของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ใครที่มาเยือนหมู่เกาะแห่งนี้จะสามารถสัมผัสกับสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งเต่า สิงโตทะเล นกเพนกวิน อิกัวนาทะเล และนกต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิด ภายใต้การควบคุมดูแลของไกด์ที่เป็นนักธรรมชาติวิทยาซึ่งผ่านการรับรองจากอุทยานแล้ว
