เที่ยวบัลแกเรีย 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดตระการตา
เที่ยวบัลแกเรีย บัลแกเรียเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ แนวชายฝั่งที่สวยงาม เมืองที่มีประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน และหมู่บ้านที่มีเสน่ห์ ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวไม่สูงนัก โดย 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในบัลแกเรียมีดังนี้
1.ทะเลสาบทั้งเจ็ดแห่งเทือกเขารีลา (Seven Rila Lakes)
ทะเลสาบทั้งเจ็ดแห่งเทือกเขารีลานั้นได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยที่สุดในบัลแกเรียและในคาบสมุทรบอลข่าน ทะเลสาบทั้งเจ็ดตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 2,100 ถึง 2,500 เมตร และมีชื่อเรียกว่า The Tear, The Eye, The Kidney, The Twin (ทะเลสาบใหญ่ที่สุดในบรรดาเจ็ดทะเลสาบ), The Trefoil, The Fish Lake และ The Lower Lake
2.น้ำตกครูชูนา (Krushuna Waterfalls)
น้ำตกครูชูนาเป็นน้ำตกที่ไหลลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นๆ (water cascade) ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านครูชูนา จังหวัดโลเวช (Lovech) สถานที่แห่งนี้เหมาะแก่การท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับอย่างยิ่ง
3.ถ้ำเดเวทาชกา (Devetaki Cave)
ถ้ำเดเวทาชกาเป็นถ้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านเดเวทาชกา (Devetaki Village) จังหวัดโลเวช เมื่อท่านไปถึงจะได้พบกับปากทางเข้ากว้างถึง 35 เมตร และสูงถึง 30 เมตร เมื่อเข้าไปในถ้ำจะได้พบกับโถงที่สูงถึง 60 เมตร ถ้ำแห่งนี้เป็นบ้านของคางค้าวมากกว่า 35,000 สายพันธุ์ และเป็นหนึ่งในสามสถานที่สำคัญที่สุดในการจำศีลของคางค้างในยุโรป สถานที่แห่งนี้สวยงามมากจนได้รับเลือกให้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “โคตรคน ทีมเอ็กซ์เพนเดเบิ้ล” (The Expendables 2) เมื่อปี 2011
4.ดวงตาพระเจ้า (Eyes of God)
ถ้ำโปรฮอตนาแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านคาลุคโคโว (Karlukovo) จังหวัดโลเวช โดยมีความยาว 262 เมตร และมีปากทางเข้าสองทางอยู่ตรงข้ามกัน จุดเด่นของถ้ำนี้คือมีรูสองรูบนเพดานถ้ำลักษณะเหมือนดวงตาทั้งสองข้าง ถ้ำแห่งนี้จึงได้ฉายาว่า “ดวงตาพระเจ้า” นั่นเอง นอกจากการเข้าชมถ้ำแล้ว ที่แห่งนี้ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักปีนหน้าผา และบริเวณปากเข้าถัดยังสามารถเล่นบันจีจัมพ์ได้อีกด้วย
5.หมู่หินและป้อมปราการเบโลกราดชิค (Belogradchik Rocks and Fortress)
หมู่หินเบโลกราดชิคนี้ประกอบด้วยหินรูปร่างต่างๆ หลากสีสันที่เชื่อมถึงกัน โดนหินบางก้อนสูงถึง 200 เมตร และหินบางก้อนมีรูปร่างสะดุดตาและเกี่ยวข้องกับเรื่องเล่าขายต่างๆ นานา ปัจจุบันนี้หมู่หินเบโลกราดชิคแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใกล้กับหมู่หินจะเป็นที่ตั้งของป้อมปราการเบโลกราดชิค ซึ่งได้รับการก่อสร้างขึ้นเพื่อปกป้องเมืองยามสงครามในสมัยโรมัน ปัจจุบันหมู่หินและป้อมปราการเบโลกราดชิคเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในภูมิภาคนี้ ใกล้กันมีอีกหลายแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถแวะไปได้ ทั้งถ้ำมากูรา (Magura cave) และป้อมปราการบาบาวิดา (Baba Vida Fortress) เป็นต้น
6.ซิเนโมเรท์ (Sinemorets)
ซิเนโมเรท์เป็นหมู่บ้านและเมืองรีสอร์ททางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ที่มีหาดเวเลกา (Veleka Beach) อันสวยงามและเป็นบริเวณปากแม่น้ำเวเลกา (Veleka River) ไหลลงสู่ทะเลดำ ซิเนโมเรท์นั้นเหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง และถ้าใครได้มาหาดเวเลกาแล้วก็ขอแนะนำให้มาดื่มสังสรรค์ที่บาร์ “Кораба” (The Ship) ที่อยู่ติดกับหาดดังกล่าว
7.พลอฟดิฟ (Plovdiv)
พลอฟดิฟเป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศและมักถูกเรียกว่า “เมืองใต้ภูเขา” เนื่องจากตั้งอยู่เนินเขาหินไซอีไนต์ทั้งเจ็ด เมืองพลอฟดิฟมีประวัติการตั้งรกรากตั้งแต่ 8,000 ปีที่แล้ว จึงติดอันดับเมืองที่มีการอยู่อาศัยต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลกโดยปริยาย จุดเด่นต่างๆ ของเมืองที่ทำให้ต้องมาเยือนเมืองแห่งนี้ให้ได้ มีดังนี้
- อัฒจันทร์รูปครึ่งวงกลม (Amphitheater) ตั้งอยู่ระหว่างเนินเขาดีสซามบาส (Dzhambaz Tepe) และเนินเขาทักซิม (Taksim Tepe) ใจกลางเมือง อัฒจันทร์แห่งนี้สร้างขึ้นราวทศวรรษที่ 90 ภายใต้จักรพรรดิดอมิติอานุส เพื่อให้จุคนได้ราว 5,000 ถึง 7,000 คน และยังถือเป็นผลงานชิ้นเอกของการบูรณะโบราณสถานของประเทศ ปัจจุบันมีการใช้จัดแสดงมหรสพและดนตรีในช่วงฤดูร้อนของประเทศ
- เขตเมืองเก่า (Old Town) หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า เขตอนุรักษ์ทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ของเมืองพลอฟดิฟ (Ancient Plovdiv Architectural and Historical Reserve) นั้น ตั้งอยู่ระหว่างเนินเขาดีสซามบาส เนเบต (Nebet Tepe) และทักซิม โดยผู้มาเยือนจะได้เรียนรู้เรื่องราวในยุคต่างๆ ผ่านการเดินชมอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ในเขตเมืองเก่านี้
- ถนนสายหลัก (Main Street) เป็นเขตถนนคนเดินอยู่ในใจกลางเมือง ล้อมรอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อย่าง สวนของพระเจ้าซาร์ซิเมออนและน้ำพุร้องเพลง (Tsar Simeon’s Garden and Singing fountains) ตลอดสองข้างทางจะได้พบกับอาคารบ้านเรือนตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 และร้านค้าทันสมัยมากมาย
- คาปานา (Kapana) เป็นศูนย์กลางด้านศิลปะ วัฒนธรรม และงานศิลปะทำด้วยมือ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแห่งนี้ โดยประกอบถนนซอยสายเล็กๆ จำนวนมากี่เต็มไปด้วยร้านกาแฟและบาร์ที่ได้รับการออกแบบอย่างมีศิลปะและมีบรรยากาศดีเยี่ยมตลอดสองข้างทางของถนน คาปานายังเป็นสถานที่จัดเทศกาลต่างๆ อาทิ สัปดาห์แห่งการเต้นรำ และเทศกาลเบียร์ เป็นต้น
- เนินเขาทั้งเจ็ดของเมืองพลอฟดิฟ
8.เวลีคอเทอร์โนโว (Veliko Tarnovo)
เวลีคอเทอร์โนโวซึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนกลางของประเทศ เคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิบัลแกเรียที่ 2 มาก่อน ปัจจุบันเป็นหนึ่งในเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากทุกปีเนื่องจากมีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ โดยเขตเมืองเก่าตั้งอยู่บนเนินเขาซาร์เรเว็ท (Tsarevets) ทราเปซิทซ่า (Trapezitsa) และสเวตาโกรา (Sveta Gora) เมืองเวลีคอเทอร์โนโวนี้ยังเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมและการศึกษาอีกด้วย สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม คือ เขาซาร์เรเว็ท อนุสาวรีย์ประกาศอิสรภาพ หมู่บ้านอาร์บานาสซี่ เป็นต้น
9.อารามรีลา (Rila Monastery)
อารามรีลาเป็นอารามใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาอารามนิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ของประเทศ โดยได้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบัลแกเรียมาตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา อารามแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขารีลาที่ระดับความสูง 1,147 เมตรจากระดับน้ำทะเล ปัจจุบันนี้อารามรีลาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกชองยูเนสโกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
10.เมลนิค (Melnik)
เมลนิคเป็นเมืองเล็กที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ตามเชิงเขาพิริน (Pirin Mountain) เมืองเมลนิคมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีทิวทัศน์หน้าผาหินเมลนิคอันน่าตื่นตาตื่นใจและรมชาติโดยรอบที่งดงาม ปัจจุบันเมืองนี้ได้รับการประกาศเป็นเขตอนุรักษ์ทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว