เที่ยวดูไบ 10 ที่เที่ยวที่ห้ามพลาด หากคุณไปเที่ยวดูไบ
เที่ยวดูไบ ||| อธิบายกันก่อนว่า ดูไบนั้นเป็นชื่อของ “เอมิเรตส์” (แปลว่าจังหวัดในภาษาอาหรับ) ในประเทศสหัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) รวมทั้ง ดูไบนั้นเป็นชื่อเมืองที่อยู่ในจังหวัดดูไบด้วย (เมืองดูไบ จังหวัดดูไบ) เป็นเมืองที่มีประชากรอยู่อาศัยมากที่สุดในประเทศ . . . และแน่นอน ดูไบนั้น ไม่ใช่ชื่อประเทศอย่างที่หลายๆคนคิด อย่าสับสนไปบอกใครว่าเป็นประเทศนะครับ อายเขา
และต่อไปนี้เป็น 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองดูไบ ดินแดนอาหรับสุดอลังการ ที่คุณต้องได้ไปสัมผัสซักครั้งในชีวิต กับเมืองที่ถือได้ว่ามีความมั่งคั่งทางการเงินสูงติดอันดับท็อปของโลก และเป็นเมืองที่พัฒนาได้รวดเร็วมากในเรื่องของการท่องเที่ยวและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มาดูกันเลยกับ 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวสุดเจ๋งของดูไบ
1. Burj Khalifa
เมืองดูไบมีทั้งสถานที่ที่สวยที่สุด กว้างที่สุด ลึกที่สุด ของโลก และแน่นอนอาคารที่สูงที่สุดเช่นกัน Burj Khalifa . . . ที่ชั้นล่างของดูประวัติของอาคารแห่งนี้ จากนั้นขึ้นลิฟท์ที่มีความเร็วที่สุดในโลกขึ้นไปชั้นบนของ Burj Khalifa (มันอาจจะไม่เหมาะกับคนเป็นโรคหัวใจซักเท่าไหร่ แต่เชื่อผมเถอะ มันคุ้มค่าแน่นอน) วิวจากชั้นบนของอาคารนั้นจะทำให้คุณตะลึงกับความสวยงามของทั้งหาดของดูไบ และ ความสวยงามของเมืองดูไบทั้งหมด แนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวให้ไปในช่วงตอนเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการไปเยี่ยมตึกที่สูงที่สุดในโลกอย่าง Burj Khalifa เพราะคุณจะได้เห็นวิวทั้งช่วงกลางวันและช่วงพระอาทิตย์ตกดินของอาณาจักรดูไบ
2. Dubai Creek
คลองดูไบ เป็นที่ที่คุณจะสามารถล่องเรือ Abra ชมคลองแห่งนี้ได้ ซึ่งคลองนี้เป็นคลองที่เก่าแต่และสวยงามที่สุดของดูไบ หากคุณอยากมาเที่ยวดูไบมาที่นี่ได้เลย ประทับใจแน่นอน ไม่มีอะไรจะคุ้มไปกว่าการล่องเรือข้ามคลองแห่งนี้ในราคาเพียง 1 AED หรือประมาณ 9 บาท ซึ่งในตอนเย็นการล่องเรือข้ามคลองแห่งนี้จะยิ่งมีสีสันบรรยากาศความเป็นประเทศอาหรับมาเข้าไปอีกด้วยเสียงสวด ละหมาดซึ่งดังมาจากสุเหร่าที่อยู่รอบๆตัวคลอง ได้ฟิวย้อนยุคเหมือนกลับไปอยู่ในยุค 1960 ในตอนที่เมืองดูไบได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ๆ หรือหากล่องเรือนานกว่านั้นหน่อยจ่ายประมาณ 450 บาท คุณจะได้ล่องเรือ Abra เต็มๆ 1 ชั่วโมงเลยแหละ ฟินสุด
ในอีกด้านหนึ่งคุณจะได้กลิ่นของเครื่องเทศจากตลาดดูไบ ซึ่งเป็นสถานทีที่คุณอาจจะซื้อเทียนหอม เครื่องเทศ หรือสิ่งอื่นๆที่หาไม่ได้จากที่ไหน กลับไปฝากเพื่อนๆ หรือ ครอบครัวก็ได้ (ที่สำคัญถูกมากๆด้วย) หลังจากนั้นคุณจะได้เพลิดเพลินกับการเดินเล่นในถนน Deira ซึ่งเป็นจุดที่สวยที่สุดของแถบนี้ เป็นซอยเล็กๆ เข้าไปซึ่งได้บรรยากาศความเป็นอาหรับสมัยก่อน ย้อนยุคได้ฟิลสุดๆ
3. ศูนย์ศึกษาวัฒนธรรม Sheikh Mohammed
สถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะจะมารับประทานอาหารเช้าและเที่ยง ถ้าเป็นสถานที่อันเหมาะสมที่จะถามคำถามที่ บางที อาจจะถามกับชาวอาหรับตรงๆไม่ได้เช่น ทำไมผู้หญิงถึงต้องปิดหน้าปิดตา? อูฐมีชีวิตรอดอยู่ในทะเลทรายได้นานแค่ไหน, ทำไมชาวมุสลิมถึงละหมาด คำตอบทั้งหมด นาซิฟจะเป็นคนตอบคุณ ไม่ต้องแปลกใจหากคุณจะเดินออกจากสถานที่แห่งนี้ด้วยความเข้าใจโลกของชาวมุสลุมและหลงรักวัฒนธรรมของมุสลิมมากขึ้นกว่าเดิม
ศูนย์แห่งนี้ถูกสร้างและบริหารโดย นาซิฟ ชายชาวอาหรับซึ่งแต่งงานกับสาวชาวยุโรป และ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของดูไบที่ยอดเยี่ยมหากคุณอยากหาความรู้เรื่องวัฒนธรรมต่างๆของชาวดูไบและอาหรับ รวมถึงความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมระหว่ายุโรป และ ชาวอาหรับด้วย ถ้าคุณอยากได้บรรยากาศของสถานที่นี้แบบสุดๆ ในช่วงเย็นๆตอนนี้คนออกไปละหมาดกัน ลองถามเจ้าของ หรือ เจ้าหน้าที่ดูว่า จะเป็นไปได้ไหมหากอยากขึ้นไปดูวิวบนดาดฟ้าของอาคาร , ถ้าได้ คุณจะได้เห็นบรรยากาศของเมืองอาหรับที่สวยงามพร้อมกับเสียงสวดละหมาดอันน่าประทับใจ
4. สวนสาธารณะของเมืองดูไบ
สวนสาธารณะอาจจะไม่เป็นสิ่งแรกที่คุณคิดอยากจะไปนักของเมืองดูไบ แต่อย่าลืมนะครับว่าดูไบนั้น มีทั้งสิ่งที่สูงที่สุด ลึกที่สุด อลังการที่สุด แพงที่สุดรวมอยู่ในเมืองเดียว ซึ่งแน่นอนสวนสาธารณะที่ดูไบก็ทำให้คุณตะลึงได้ไม่แพ้กัน
ที่ดูไบ เนื่องจากเป็นเมืองใหม่ที่สร้างขึ้นมาจากความมั่งคั่งของประชากรและรัฐบาล ที่ดูไบจึงได้มีสวนสาธารณะที่มีสีเขียวของต้นไม้ ดูเป็นระเบียบ และสะอาดแบบสุดๆ กระจายอยู่ทั่วทั้งตัวเมือง คุณจะต้องจ่ายค่าเข้า 5 AED สำหรับการเข้าสถานที่สาธารณะ ซึ่งคุณอาจจะไม่ชินที่จะต้องจ่ายค่าเข้าสถานที่แบบนี้ แต่เชื่อเถอะครับ เมื่อเข้าไปคุณจะได้พบกับความร่มรื่นสวยงามและความสงบ บางครั้งคุณจะชื่นใจด้วยบรรยากาศของครอบครัว เพราะทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ต่างมาผ่อนคลาย นั่งคุย หรือ ทำกิจกรรมร่วมกันแบบเป็นกันเอง โดยที่สิ่งของมีค่าต่างวางไว้ตามพื้นโดยไม่ต้องกลัวใครจะมาขโมย ซึ่งทำให้สวนสาธารณะของดูไบเป็นแหล่งท่องเที่ยวดูไบที่ให้คุณได้มากกว่าคำว่าสวนสาธารณะจากประเทศอื่นๆ
5. ร้านอาหาร Ravi
ตั้งอยู่ที่ Khamees Bldg. Al Satwa Road, Dubai, U.A.E.; 971-(0)4-331-5353
ที่นี่เป็นที่สำหรับนักชิม (ไม่ต้องเป็นนักชิมก็เอ็นจอยกับอาหารได้แบบสุดๆ) นักท่องเที่ยวหลายคนกล่าวว่าที่ Ravi คุณจะได้กินแกงกระหรี่ตำหรับดูไบที่อร่อยที่สุดในโลก! . . . ที่ Ravi เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เปิดให้บริการมายาวนานที่สุดของเมือง ซึ่งมักจะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและชาวท้องถิ่น เรียกง่ายๆว่าเต็มเกือบทั้งวัน ที่ Ravi ไม่มีผ้าขาวปูโต๊ะ ไม่มีลิสต์รายการไวน์ให้เลือกชิม ไม่มีเด็กเสิร์ฟใส่สูทของให้บริการ มีเพียงแกงกระหรี่ปากิสถาน เสิร์ฟด้วยพนักงานที่น่ารัก เป็นกันเองสุดๆ อาหารแนะนำที่นี่ก็เป็น – Chicken Boti, Chicken Handi, Motton Tika, Daal และ Motton Kebab ขนมปังที่นี่ก็หอมกรุ่น นุ่มน่ากินสุดๆ ด้วยราคาที่ไม่แพงซักนิด เรียกว่าทั้งครอบครัวสามารถอิ่มท้องด้วยราคาต่ำกว่า 900 บาท (ประมาณ 100AED) ร้าน Revi เพิ่งได้รับการปรับแต่งใหม่ให้สวยงามด้วยเฟอนิเจอร์และโซนสำหรับครอบครัว แต่ขอแนะนำว่าให้ไปนั่งข้างนอกร้านจะดีกว่า เพื่อที่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของเมืองและคนดูไบอย่างที่สุด
6. โรงแรม Burj Al Arab
โรงแรม Burj Al Arab เป็นโรงแรมที่กล่าวว่าโรงแรมที่นี่นั้นเป็นแห่งเดียวที่เป็นโรงแรม 7 ดาว ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ Burj Al Arab ก็เป็นโรงแรมต้นแบบของโรงแรมต่างๆในดูไบ รวมทั้งโรงแรมต่างๆทั่วโลกด้วย
โรงแรมแห่งนี้ได้รับรางวัลต่างๆมากมายโดยเฉพาะโรงแรมที่ไฮโซ อลังการที่สุดในโลก เนื่องจากความหรูหราของสถานที่ แต่โรงแรมแห่งนี้ดูจะแพงมาก (มากๆ) ไปหน่อยสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป ข้อแนะนำถ้าอยากได้วิวสวยๆของโรงแรมนี้หละก็ให้คุณไปที่โรงแรมตรงกันข้ามกับ Burj Al Arab ที่ตั้งอยู่ที่ Jumeirah Beach ซึ่งนั่นก็คือ Jumeirah Beach Hotel และนั่งอยู่ที่ระเบียงมุมที่มองไปเห็น Burj Al Arab คุณจะได้วิสัยทัศน์สุดยอดของโรงแรมที่กล่าวกันว่าดีและหรูหราที่สุดในโลกกันแล้วหละ
7. สกี ดูไบ – Mall of the Emirates
อยากไปเที่ยวทะเลทรายและก็อยากจะเล่นสกีหิมะไปพร้อมๆกัน??? ห้ามพลาด Ski Dubai ลานสกีหิกว้างที่ตั้งอยู่ใน Mall of the Emirates ใกล้ๆกับ Burj Al Arab . . . น่าทึ่งมากกับความสามารถของคนดูไบซึ่งทำลานสกีในภูมิประเทศที่มีทะเลทรายร้อนกว่า 50 องศาอยู่ใกล้ๆ ที่นี่มีอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งชุดเล่นสกีให้เช่าครบครันจึงไม่จำเป็นต้องนำของๆคุณมาเอง ซึ่งที่เจ๋งก็คือภายในลานสกีนั้นมีร้านคาเฟ่ให้บริการอยู่ในนั้นเลย ได้บรรยากาศเป็นภูเขาหิมะของจริงยังไงยังงั้น
8. ถนนเรียบทะเลจูเมียร่าและสวนน้ำดูไบ
สวนน้ำดูไบที่เพิ่งสร้างขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ด้วยวิวรอบๆเป็นตึกระฟ้า ดูสวยเป็นสังคมเมือง และอีกข้างนั้นเป็นทางเดินริมชายหาดจูเมียร่า (ถ้าอยากออกเสียงเหมือนคนท้องถิ่นก็ให้ออกเสียง JBR) ซึ่งทั้งถนนและสวนน้ำนั้นเป็นราวกับเมือง ซึ่งถูกล้อมกรอบอยู่ด้วยเมืองอีกทีด้วย สถาปัตที่ตระกาลตา, คาเฟ่น่ารักๆ และ บาร์ร้านต่างๆอีกมากมาย – เหมาะมากกับคนที่ชอบมานั่งมองวิวทิวทัศน์ของโรงแรมชั้นนำ และ ร้านอาหารระดับท็อปของเมือง เช่น Frankie Dettori’s Frankie’s Italian Bar & Grill and Gary Rhodes’ Twenty10
ซึ่งในเวลาช่วงกลางวัน วิวทิวทัศน์ก๋สวยงามไม่แพ้ในช่วงเย็น แค่มานั่งดูผู้คนวิ่งจอกกิ้งกันรอบๆสวนน้ำก็เป็นวิวที่น่าประทับใจแล้ว ด้านหลัง คุณสามารถนั่งเรือดูไบเฟอรี่ ซึ่งแจ่มมากสำหรับนักท่องเที่ยว ที่จะพาคุณล่องทะเล ผ่านโรงแรมชื่อดังอย่าง Atlantis และผ่าน Palm Jumeirah ซึ่งเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกในเรื่องความอลังการสวยงาม
9. ทะเลทรายซาฟารี
ทะเลทรายซาฟารีเป็นโอกาสที่คุณจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายของชนเผ่าอาหรับซึ่งเร่รอนกลางทะเลทราย (เบดูอิน Bedouin) ที่ตอนนี้ไม่มีปรากฎให้เห็นแล้ว หลายๆบริษัทอาจจะแนะนำทัวร์ทะเลทรายให้คุณ แต่เพื่อความชัวร์คุณต้องเชคโปรแกรมดีๆว่า ไปกี่โมง กลับกี่โมง นอนค้างไหม หยุดพักที่ไหนบ้าง ซึ่งทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย และ คุ้มค่าของเงินที่จ่ายไป
คุณจะได้นั่งรถ 4 วีล ของทางบริษัทจนไปถึงที่ตั้งแค็มป์ ที่ออกแบบให้คล้ายๆกับยุคโบราณ ที่นี่คุณจะได้ลองสูบ hubbly bubbly (ที่บ้านเราเรียกกันว่า บารากุ นั่นแหละ) หรือได้ลองลิ้มชิมรสบาบีคิวกลางทะเลทราย ถ้าคุณต้องการผจญภัยคุณสามารถแล่นออกจากทางหลังไปดู เหยี่ยวบินโฉบไปมา และความกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาของทะเลทรายสีเหลืองอร่าม และเมื่อกลับไปที่เต๊นท์ในช่วงกลางคืนคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์แห่งเวทมนต์ (ฟังดูเว่อไปไหม) เมื่อคุณได้นั่งอยู่ท่ามกลางความมืด ดูดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า ซึ่งนี่เป็นประสบการณ์ที่เชื่อเถอะคุณจะประทับใจและไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
10. น้ำพุยักษ์แห่งดูไบ
- วันเสาร์ ถึงวันพฤหัส ตั้งแต่ 13.00 – 13.30 และตั้งแต่ช่วง 18.00 – 23.00 ทุกๆ 30 นาที
- วันศุกร์ 13.30 ถึง 14.00 และ 18.00 – 23.00 ทุกๆ 30 นาที
สุดอลังการ น่าตื่นเต้น และ ที่สำคัญ FREE!! ถ้าคุณได้ไป Vegas มา คุณอาจจะได้เห็นน้ำพุ Belaggio ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความอลังการมาแล้ว แต่เชื่อไหมว่าที่เมืองดูไบนั้น ทำน้ำบุมาได้อลังยิ่งกว่าเยอะ ทั้งสูงกว่า ใหญ่กว่า เสียงดังนุ่มกว่า อารมณ์ประมาณว่ามานั่งดูน้ำพุอย่างเดียวก็อ้าปากค้างแล้ว ยิ่งไปในช่วงกลางคืน คุณจะยังได้เห็นแสงสีเสียงตระการตาจากการโชว์แสงไฟอีกด้วย
น้ำพุอันนี้ตั้งอยู่ที่ด้านล่างของตึก Burj Khalifa และ ห้างสรรพสินค้าดูไบ (ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก) และก็มีหลากหลายร้านอาหารตั้งอยู่เคียงข้างกับน้ำพุแห่งนี้ ซึ่งก็เป็นไอเดียที่ดีที่จะจองที่นั่งใน 1 ของร้านอาหารเหล่านี้ริมระเบียง (ดีที่สุดในหน้าหนาว) เพื่อที่จะได้ชมความยิ่งใหญ่ตะการตาของน้ำพุยักษ์แห่งดูไบ ร้านที่แนะนำก็จะเป็น The Mango Tree และ Rivington Grill ซึ่งทั้งสองร้านนี้ มีที่นั่งชมระดับแถวหน้าสุดให้ชมความงดงาม พร้อมอาหารแสนอร่อยให้ได้กินเป็นมื้อเย็นอีกด้วย