Centara Ras Fushi ที่พักมัลดีฟ สุดหรู
เมื่อพูดถึงมัลดีฟส์ เชื่อเถอะครับ ว่าหลายท่านที่อยากจะไปสัมผัสกับบรรยากาศความสวยงามของท้องทะเลและธรรมชาติที่นี่ดูซักครั้ง เมื่อมองลงไปในน้ำทะเลสีคราม เราจะได้เห็นความงดงามของหาดทรายมี่ขาวสะอาดตาเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตา ปลานานาพันธ์ หลากหลายสีสันสวยงามน่ารัก เวียนว่ายไปมาดูเพลินตาเพลินใจ เกาะแก่ง ประการัง ที่สวยงาม เป็นความสวยงามที่หาที่ไหนไม่ได้ นอกจากเกาะสวรรค์แห่งนี้เท่านั้น
“Centara Ras Fushi Resort and Spa Maldives ”
สิ่งหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกหลงไหลตลอดมา คงไม่พ้นที่พักผ่อนที่สุดแสนจะโรแมนติกพรั่งพร้อมไปด้วยความเป็นส่วนตัวและ สิ่งอำนวยความสะดวก ย่อมเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้อยากจะบินลัดฟ้ามาเยือนเป็นโชควาสนาซักครั้งหนึ่ง ของชีวิต
เป็นที่น่าตื่นตาพา Amazing มาก เพราะการเดินทางสุดแสนพิเศษครั้งนี้ มีผู้ร่วมอุดมการณ์ลงนาวาลำเดียวกันทั้งสินถึง 40 ชีวิต **และนี่คือเหตุการณ์ครั้งสำคัญ ที่โลกต้องจดจำ อาจไม่ถึงกับต้องจารึก เพราะเราคือคนไทยกลุ่มแรกที่มีโอกาส ไปสัมผัสกับรีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาว Centara Ras Fushi Resort & Spa Maldives ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ สด ร้อน แน่นอนเลยทีเดียว เราเชื่อว่า ใครๆก็ชอบของใหม่ และมันต้องเรียกความสนใจได้มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ชวนให้เราอยากลองไปสัมผัส
ตอนที่พวกเราไปกันนั้นตัวรีสอร์ทเองยังก่อร่างสร้าง ตัวไม่แล้วเสร็จดี แต่ก็พร้อมในระดับที่สามารถรองรับและให้บริการได้ครอบคลุม แต่ในปัจจุบันนี้เขาพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว
เราเหินฟ้าด้วยเส้นทางกรุงเทพ-โคลัมโบ สายการบินศรีลังกาแอร์ไลน์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. และต่อเครื่องกันที่โคลัมโบ
ช่วงที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เอ้ย! เปลี่ยนเครื่องนั้น ในตัวสนามบินท่านสามารถเดินเล่นไป ช้อปปิ้งชิวๆไป เพื่อรอเข้าเกทเวย์ ใช้เวลาต่อเครื่องประมาณ 2.30 ชม. และบินตรงไปลงมัลดีฟส์ใช้เวลาเพียง 1.30 ชม. ก็ถึงจุดหมายแล้ว
เมื่อเครื่อง Landing ถึงมัลดีฟส์ เข้าอาคารเดินผ่าน ตม.ตรวจสภาพความเรียบร้อย เสร็จพิธีเราก็รอรับกระเป๋า
การเคลื่อนย้ายกระเป๋าที่นี่ ง่ายนิดเดียว ต้องบอกว่า อีซี่ม๊วกๆ ยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก เพราะทางเดินกระเป๋าเป็นรางเดียว ประตูทางเข้าออกก็เป็นเส้นทางเดียว ด้วยเหตุผลที่เป็นสนามบินเล็กๆ ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวลว่าสัมภาระของท่านจะสูญหาย หรือคนรู้ใจที่มาด้วยจะจำต้องมาพลัดหลงหรือหลัดพรากจากกันไประหว่างเดินทาง
เดินไปในสนามบินมัลดีฟส์ ก็จะพบกับเคาน์เตอร์โรงแรมเป็นบูทเล็กๆ เยอะแยะไปหมด ซึ่งแต่ละบูทจะมีชื่อโรงแรมให้เรารู้ได้ว่า เราจะเดินไปยังบูทไหน ยังไง และบูทนั้นเป็นของใคร และบางบูทจะเป็นโรงแรมในเครือเดียวกัน
เคาน์เตอร์จุดหมายของเราจะอยู่เบอร์ 12 ซึ่งพอเดินออกมาก็เห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเลยหล่ะ ในส่วนของ Centara เองก็มีอยู่ด้วยกันถึง 2 สาขาตั้งอยู่ทั้ง 2 เกาะ ของมัลดีฟส์ Centara Grand เป็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่อีกเกาะหนึ่ง ในหมู่เกาะมัลดีฟส์ แต่ที่เราจะไปกันวันนี้เป็น Centara Ras Fushi นะครับเดี๋ยวสับสน.
เมื่อเข้าไปถึงบูธแล้ว ไม่มีขั้นตอนอะไรซับซ้อนแม้แต่นิด ไปถึงจะพบกับพนักงาน 3-4 คน เราเพียงยื่นชื่อ-สกุลให้พนักงาน จากนั้นเจ้าหน้าที่จะรอต้อนรับขับสู่และบริการประดุจญาติมิตร แทบจะจับเรานั่งสเลี่ยงแบกขึ้นเกี้ยวก็ว่าได้ คอยบริการหิ้วกระเป๋า ทำการเช็คอินติด Track กระเป๋าให้เสร็จเรียบร้อย โดยจะมีเลขห้องติดอยู่เพื่อป้องกันการสลับสับเปลี่ยน
จากนั้นเราก็เดินตัวเปล่าไปขึ้นเรือที่ทางโรงแรมจัด ไว้ให้ เพื่อไปที่พักมัลดีฟส์ พนักงานจะคอยขนสัมภาระลงเรือให้เราพร้อมสรรพ สบ๊ายสบายตัว บริการดีทุกอย่าง
เดินทางด้วย Speed Boat ไปถึงจุดหมายใช้เวลาเพียงประมาณ 20 นาที ก็ถึงแล้ว โดยที่ทุกท่านไม่ต้องกังวลเลยว่า ถึงมัลดีฟส์แล้วจะมีพนักงานมาคอยอำนวยความสะดวกให้เราไหม การบริการจะดีหรือเปล่าซึ่งตัดความกังวลตรงนี้ไปได้เลยหล่ะ
และการคมนาคมทางเรือของที่นี่ มีความปลอดภัยสูงมาก เป็น The Best of Security. เลยก็ว่าได้ เขามีข้อกำหนดระเบียนปฎิบัติที่ชัดเจน ให้เดินทางได้ไม่เกิน 20 ท่านต่อเที่ยว และทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพ ไม่ปล่อยให้น้ำหนักเกิดพิกัด หรือจำนวนผู้โดยสารเกินกำหนด ซึ่งที่นี่ซีเรียสมาก ไม่ต้องกลัวว่าถ้าคนไปกันเยอะจะทำให้เกิดอันตรายไหม หรือเรือจะอับปางกลางมหาสมุทรหรือไม่ นั่นไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ตรงนี้ เชื่อว่าทุกๆท่าน ต้องรู้สึกประทับใจอย่างแน่นอน
เมื่อเรือเทียบท่า ทอดสมอที่เกาะมัลดีฟส์ สัมภาระสมบัติพัดสถานของทุกท่านจะมีพนักงานยกลงจากเรือไปไว้ยัง Lobby ส่วนเราเองก็เดินไปที่ Lobby เพื่อทำการเช็คอินแสดง passport กรอก Registration From มีพนักงานแต่งชุดสวยยิ้มหวานๆ มารอต้อนรับ และอำนวยความสะดวก พร้อมกับมี Welcome Drink และผ้าเย็นๆ มาให้ชื่นใจลืมเหนื่อย
มีรถกอล์ฟวิ่งมารอขนกระเป๋า ไปส่งถึงห้อง ถ้าหมู่คณะที่เดินทางมามีจำนวนมาก และเราต้องการไปสัมผัสห้องพักอันแสนโรแมนติคเร็วๆ ท่านสามารถขนสัมภาระไปเองได้ ส่วนท่านที่คิดว่าไม่อยากจะลากกระเป๋าให้มันเมื่อยตุ้ม ไหนจะแบกสังขารมาแล้ว ยังต้องแบกกระเป๋าอีก
ท่านก็สามารถทิ้งกระเป๋าไว้ที่ Lobby นั่นหล่ะครับ แล้วเดินตัวเปล่า ชิวๆไปได้เลย เดี๋ยวมีเจ้าหน้าที่ขนไปส่งถึงหน้าบ้านกันเลยทีเดียว ตัวรีสอร์ทขนาดไม่ใหญ่มาก ใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่พัก.
ห้องที่นี่จะมี 2 แบบ คือเป็นห้องที่อยู่บนเกาะ และห้องที่เป็น Ocean Front ซึ่งแบบ Ocean Front ทุกห้องจะหันหน้าให้ทะเล หลังห้องเป็นประตูกระจกเปิดออกมา มีบันไดพาดยื่นลงไปในน้ำทะเลเปิดรับกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว สามารถเอาเท้าแตะสัมผัสกับพื้นน้ำทะเลสีฟ้าครามใส และยังสามารถว่ายน้ำไปหาเพื่อนบ้านข้างๆ ได้อย่างง่ายดาย เพราะเป็นห้องพักที่ออกแบบไว้อย่างดี ตัวอาคารตั้งเรียงติดๆ กันไป แต่ต้องดูนิดนะครับ ว่าใช่เพื่อนบ้านเราจริงๆ หรือเปล่า เดี๋ยวว่ายไปทักผิดบ้านเข้าจะแย่ มองเห็นประการังสีสันสวยงาม และเหล่าฝูงปลาทะเลที่แหวกว่ายไปมา ท่ามกลางหมู่ปะการัง น้อยใหญ่
ห้องพักที่ยื่นลงไปในทะเล มีจำนวนมากถึง 80 ห้อง เมื่อเทียบกับห้องที่อยู่บนตัวเกาะนั้นซึ่งมีอยู่น้อยมาก ในจำนวนห้อง 80 ห้องที่ยื่นไปในน้ำ จะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง โดยหันหน้าเข้าหากัน ฝั่งละ 40 ห้อง เรียงติดกันยาวเป็นกิโลเมตรเลยทีเดียว ห้องที่ตั้งอยู่ไกลออกจากฝั่งยิ่งมากเท่าไร ยิ่งมีความสวยงามมากขึ้นเท่านั้น ทั้งแนวประการัง และน้ำทะเลที่ใสกว่า สวยกว่า ฝูงปลาที่มากกว่า เพราะฉนั้น 2 สิ่งที่คุณต้องแลกมาก็คือ ยอมเหนื่อยเดินไปไกลขึ้น เพื่อแลกมากับความสวยงาม หรือจะอยู่ใกล้ๆเพื่อความสะดวก ที่พักที่ยื่นออกไปในน้ำจะมีราคาสูงกว่า ห้องที่อยู่บนตัวเกาะไม่มาก
ร้านอาหารที่นี่จะทานแบบบุฟเฟ่ต์ กินได้ไม่จำกัดทั้ง 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น และระหว่างวัน ทั้งเครื่องดื่มที่กินได้อย่างไม่มีอั้น ช่วงบ่ายก็จะมี Coffee Break รองท้องให้หายหิว ที่พักผ่อน Relax หลักๆ จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 ส่วน เป็นรูปแบบบาร์คือ Lobby Bar , View Bar และ Pool Bar
ในตัวอาคารของบาร์ที่นี่จะเป็น Open Air คือเปิดกว้างรับลมทะเลได้อย่างแสนสบาย อากาศบริสุทธิ์ บริเวณพื้นจะเป็นพื้นทรายทั้งหมด เพื่อให้เราได้สัมผัสกับเม็ดทรายแบบเข้าถึงธรรมชาติที่แท้จริง รับรู้ถึงความนุ่มของผืนทรายสไตล์มัลดีฟส์
บรรดาเครื่องดื่ม พูดได้ว่ามีครบทุกรสสดใหม่ทุกวัน ชา กาแฟ โค้ก สไปร์ท เหล้า ไวน์ เบียร์ ฯลฯ ตั้งอยู่ที่ ห้องอาหาร Ocean Restaurant ในทุกบาร์เราสามารถสั่งอาหารทานได้เลย โดยไม่มีการคิดเงินเพิ่มแม้แต่แดงเดียว
เรื่องของอาหาร จะมีการหมุนเวียน สับเปลี่ยนมาหลากหลายเมนู ให้ท่านได้รับประทาน แบบไม่มีซ้ำกันเลยแม้แต่เพียงวันเดียว ช่างเป็นสวรรค์บนดินแท้
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ บาร์ทั้ง 3 จะเปิดบริการเวลา 10 โมงเช้า ท่านสามารถเลือกทานอาหารได้ตามชอบใจ อยากกินอะไร ก็เดินๆดูเอา เลือกกินได้ตามอัธยาศัย
คุณสามารถที่จะทำกิจกรรมได้ทุกอย่างที่นี่ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเองก็ได้ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาที่ View Bar เพราะได้คลายเครียด นั่งเล่นชิวๆ อ่านหนังสือ ทำกิจกรรมทุกอย่างได้อย่างไม่น่าเบื่อ. หรือใครที่ชอบนั่งกินแอลกอฮอล์ชิลๆ ก็สามารถนั่งอาหารเครื่องดื่มกับแกล้ม มากินมาดื่มกันได้ตามใจชอบ
สั่งอาหารเครื่องดื่มมากินกันได้ตลอดไม่ขาดปากกันเลยหล่ะ และยังตบท้ายด้วย ค๊อกเทล เหล้า ไวน์ เบียร์
ตกเย็นช่วง 18.30 – 19.30 น. มี ซันดาวเนอร์ คาราเป้ให้เลือกทาน ก่อนอาหารมื้อค่ำ แต่ห้องอาหารหลักในตัวอาคาร Ocean Restaurant นั้นอาจจะไม่มีค๊อกเทลไว้ให้บริการ เพราะตัวค๊อกเทล จะอยู่ตามบาร์
ที่นี่ จะมีที่ให้นั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน บริเวณที่จัดไว้นั่งได้ประมาณ 2-3 คน ส่วนใหญ่จะมีชาวต่างชาติเข้าไปใช้บริการพื้นที่ตรงนี้อยู่เป็นประจำ
Hi Light เสน่ห์ที่พลาดไม่ได้ของมัลดีฟส์ก็คงจะหนีไม่พ้น จุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่แสนจะงดงาม ถ้าเราเดินไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกที่ View Bar ก็ยังสามารถเลือกทานอาหารที่วิวบาร์ได้แบบสุดแต่ใจปรารถนา และที่ View bar นี่แหละ ถือเป็นไฮไลน์ของที่นี่เชียวหล่ะ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00 ถึง เที่ยงคืน
ความงดงามของพระอาทิตย์อัสดงที่นี่ สวยกว่าที่ไหนๆ ระดับ Hi Class สุดๆ บนโลกก็ว่าได้ เพราะจะเห็นพระอาทิตย์ดวงโต สาดแสงสีทองเรืองรองนวลตา แล้วค่อยๆลาลับดับแสงเคลื่อนลงน้ำอย่างช้าๆ ก่อนจะพลบค่ำ
เมื่อเดินเข้าไปในบาร์ส่วนต่างๆ ตัว View Bar จะอยู่ส่วนด้านหน้าสุด ก่อนที่จะเดินตรง แยกออกไปห้องพัก Ocean Front เรายังสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ได้อีกมากมาย
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คนไทยเราจะรู้จัก Club Med อันเป็นรีสอร์ทที่รู้จักเพียงที่เดียว ถ้าพูดถึงมัลดีฟส์ ต้องไป Club Med เท่านั้น แต่สิ่งที่จะมาแทน Club Med ในอนาคต ที่เมื่อพูดถึงที่พักที่น่าไปที่สุด คุณจะต้องนึกถึง Centara Ras Fushi Resort & Spa Maldive เป็นที่หนึ่ง ที่พร้อมจะมาเติมเต็มความสุขของทุกคนตลอดไปครับ
เนื่องด้วย Centara มีจุดเด่นตรงเรื่องของราคาและความทันสมัย ถ้าคุณต้องการพักห้อง water villa คุณจ่ายเพิ่มเพียง 3000 บาทต่อคืนเท่านั้น โดยที่ Club mate ถ้าคุณเลือกที่จะพักห้องบนเกาะ และต้องการจ่ายเพิ่มห้องพักแบบ water villa คุณต้องจ่ายเป็นจำนวนเงินถึง 30,000 บาท ความต่างอยู่ที่ว่า ห้องใหม่ของ Centara โมเดิร์นทันสมัยกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกที่พรั่งพร้อม และบรรยากาศที่น่าสุขสมกว่า ต่างจาก Club mate ที่ก่อตั้งมาแต่ช้านานแล้ว ห้องพิเศษที่คุณเลือกจ่ายเพิ่ม ก็เช่น ห้องดีลักษณ์โอเซี่ยนฟร้อน ดีลักษณ์โอเพ่นวิลล่า
ในส่วนของกิจกรรมในน้ำ ท่านสามารถใช้บริการที่ Dive Center ได้ฟรีๆ ถ้าเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มี ผู้ช่วยสอนหรืออุปกรณ์ที่ติดเครื่องยนต์ สามารถเล่นได้ฟรีทั้งหมด อาทิ เช่น เรือแคนู เรือถีบ วินด์เซิร์ฟ กระดานโต้คลื่น ฯลฯ ตลอดการเข้าพัก
สำหรับท่านที่ชื่นชอบหลงไหลการออกกำลังกาย ก็มีห้องออกกำลังกายรองรับให้ท่านได้ฟิตแอนด์เฟิร์ม มีกิจกรรมให้คุณได้เล่นตลอดทั้งวัน เช่น แบดมินตัน ลูกบอล และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมายสนุกสนานเพลิดเพลินใจจนถึงวันเดินทางกลับ และพิเศษสุดๆ ช่วงเวลา 08.30-11.30 น. และ 15.30-16.30 น. จะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ มาแนะนำออกกำลังกายและการผ่อนคลายแบบต่าง ๆฟรี
เช่น หฐโยคะ รำไทซิ การนั่งสมาธิ พิลาทิส การพับผ้าขนหนูเป็นรูปสัตว์ต่างๆ โยคี ลาทิส ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างโยคะและพิลาทิส มวยไทย เป็นต้น แต่ต้องเช็คตารางเวลากับเจ้าหน้าที่รีสอร์ทให้ดีก่อนครับ เพียงเครื่องเล่น และกิจกรรมต่างๆ เชื่อว่า 4 วันในมัลดีฟส์ของท่านจะไม่มีวันที่น่าเบื่อเลย มีแต่ความสุขสนุกสนานเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย และผมยังมีความเชื่ออีกว่า ท่านจะหลงรัก และหลงไหลมัลดีฟส์ เกาะสวรรค์บนพื้นพิภพนี้ ไปอีกนานครับ