ทัวร์ญี่ปุ่นอย่างตื่นตากับสุดยอด 10 สถานที่ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นสุดฮิต!
หากพูดถึงดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย หลายคนย่อมนึกไปถึงประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน เพราะญี่ปุ่นนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามหลายแห่ง ทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยศิลปะอันล้ำสมัย ตั้งแต่เรื่องของอาหารการกินและศิลปะวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีความโดดเด่น เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังเตรียมตัวไปทัวร์ญี่ปุ่น เรามาทำความรู้จักกับ 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวไปพร้อมกันเลยนะคะ
10.ปราสาทโอซาก้า
ปราสาทโอซาก้า สถานที่ท่องเที่ยวอันดับ 10 ที่เปรียบดั่ง Landmark แห่งเมืองโอซาก้า ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกที่มีความสำคัญในประเทศญี่ปุ่น ความอลังการของตัวประสาทกว้างใหญ่และสวยโดดเด่นเป็นตระหง่าน นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมมักสัมผัสด้วยความประทับใจ กับตัวปราสาทที่มีความสูงถึง 8 ชั้น บนกำแพงก็ประดับตกแต่งไปด้วยภาพเสือพร้อมสีทองอันเหลืองอร่ามที่บรรจงแต่งแต้มจนกลายมาเป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมที่มีเสน่ห์งดงามอย่างยิ่ง
ในส่วนหอคอยชั้น 8 ถือเป็นจุดชมวิวอันน่าตื่นตา นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปเยือนสามารถกวาดสายตาสัมผัสทัศนยีภาพแห่งเมืองโอซาก้าได้แบบโดยรอบ นอกจากนี้ ภายในตัวประสาทยังมีการจัดนิทรรศการต่างๆ ทั้งการแสดงหลักฐาน ภาพเขียนและเครื่องแต่งกายในแบบโบราณอันสะท้อนถึงความเป็นมาของประสาทและตระกูลโทโยโตมิ
สำหรับบริเวณภายนอกปราสาทก็โอบล้อมไปด้วยสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่แวดล้อมไปด้วยเหล่าดอกไม้หลากหลายสีสัน ซึ่งผลัดกันผลิดอกบานสะพรั่งเพื่อต้อนรับทัวร์ญี่ปุ่นให้มาเยือนได้ตลอดทั้งปี ยิ่งในช่วงฤดูดอกซากุระบานด้วยแล้ว นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติจะหลั่งไหลมาร่วมชมปราสาทและความงามของดอกซากุระกันอย่างเนืองแน่นทีเดียว
9.วัดโทไดจิ เมืองนารา
วัดโทไดจิ เป็นวัดที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอาคารซึ่งถูกสร้างด้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลก นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่มีผลต่อประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอย่างมาก กลิ่นอายของวัดแห่งนี้สะท้อนความเก่าแก่แห่งประวัติศาสตร์โบราณ และยังได้รับการนับถืออย่างกว้างขวางจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในทะเบียนวัด ศาลเจ้ารวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆ อีก 7 สถานที่ที่อยู่ในเมืองเดียวกัน
สำหรับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญของญี่ปุ่นทั้ง 4 เรื่องนั้น วัดโทไดจิแห่งนี้ก็ล้วนมีความข้องเกี่ยวทั้งหมด ซึ่งได้แก่ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง การจัดนิกายทางพุทธศาสนา การจัดระเบียบของวัดและการจัดระเบียบทางศิลปะ นอกจากนี้ ยังมีพระพุทธรูปที่มีขนาดมหึมาตั้งประดิษฐานอยู่ เป็นองค์พระขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หล่อด้วยเงินทั้งองค์ และเสน่ห์ที่ทำให้วัดมีชื่อเสียงโด่งดังก็คือ ภายในตัววัดนั้นมีกวางเป็นจำนวนมาก ทั้งยังเป็นกวางที่เชื่องอย่างมากอีกด้วย เพราะฉะนั้น นับว่าไม่ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาใกล้ชิดเป็นต้องผิดหวัง กับการได้เข้ามาสัมผัสกวางตัวเป็นๆ โดยที่มิอาจสัมผัสจากที่ใดมาก่อนสำหรับการทัวร์ญี่ปุ่นครั้งนี้
8.วัดทองคินคะคุจิ
วัดทองคินคะคุจิ แต่เดิม…เคยเป็นสถานตากอากาศของโชกุนโยชิมิสึที่หลายคนคุ้นเคยกันดีจากการ์ตูนเรื่อง เณรน้อยเจ้าปัญญา ก่อนหน้านั้น ตัววัดเคยถูกไฟไหม้ไปแล้วหลายครั้ง แต่ก็ได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในรูปแบบเดิมและปิดด้วยทองคำเปลวอันเหลืองอร่ามภายนอก จึงสะท้อนเอกลักษณ์ของตัววัดได้อย่างชัดเจนสะกดตา
สำหรับจุดเด่นอีกหนึ่งแห่งก็คือ รูปหล่อนกฟีนิกซ์ที่ตั้งอยู่บนยอดปราสาท มีสระกระจกที่สะท้อนภาพศาลาสีทองอันอร่ามจับตาเบื้องล่าง นับเป็นความงามตื่นตาที่หาชมได้ยากอย่างยิ่ง สำหรับสระจกนั้นถูกออกแบบให้เป็นสระน้ำบนสรวงสวรรค์ ภายในสระจะมีดอกบัว มีเกาะเล็กๆ และมีก้อนหินโผล่พ้นเหนือน้ำเล็ก – ใหญ่หลายก้อน เปรียบดั่งมหาสมุทร 8 แห่งและภูเขา 9 ลูก สรวงสวรรค์แห่งนี้จึงกลายเป็นสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นอีกแห่งที่เหล่าทัวร์ญี่ปุ่นไม่ควรพลาดกับการเข้ามาชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมอร่ามตา…ที่ไม่ว่ามองมุมไหนก็ล้วนโดดเด่นสวยงามจับใจที่สุด
7.วัดคิโยมิสึ
วัดคิโยมิสึเป็นวัดที่มีความเก่าแก่อย่างมาก เพราะมีอายุยาวนานกว่า 1,500 ปี โดยถูกสร้างก่อนที่โตเกียวจะถือกำเนิดขึ้น สาเหตุที่เรียกกันว่าวัดน้ำใสเนื่องจากมีแม่น้ำ 3 สายไหลมาบรรจบกัน และยังเป็นแม่น้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติซึ่งไหลลงมาจากเทือกเขา หากนักท่องเที่ยวได้แวะไปเยี่ยมเยือนวัดนี้ คุณจะเห็นชาวญี่ปุ่นเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อรอดื่มน้ำ พวกเขาเชื่อว่าแม่น้ำสามสายมีความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสายที่ 1 หากดื่มแล้วจะช่วยให้เรียนเก่ง สายที่ 2 ช่วยให้ความรักยั่งยื่นและสายที่ 3 ช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
ภายในที่เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ ถูกสร้างให้ยื่นออกไปจากหน้าผา และนี่ก็คือจุดเด่นของวัดคิโยมิสึที่เรียกขานกลิ่นอายของความมีเสน่ห์ได้เป็นอย่างดี และที่น่าทึ่งไปกว่านั้น…เสาไม้ขนาดยักษ์ถึง 139 ต้นที่ค้ำยันกับพื้น ไม่ได้ผ่านการตอกตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียว จึงกลายเป็นการออกแบบและการก่อสร้างที่สร้างความประหลาดใจและน่าทึ่งใจอย่างมากทีเดีย
นอกจากนี้ วัดคิโยมิสึยังถือเป็นสุดยอดจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจนองค์การ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้กลายเป็นมรดกโลก ไม่เพียงเท่านั้น ทางวัดยังมีเรื่องแปลกอีกอย่างก็คือ ที่ระเบียงของวัดแห่งนี้ ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่า “หากใครได้กระโดดลงไปแล้วมีชีวิตรอดกลับมาได้ สิ่งที่ปรารถนาจะเป็นจริงดั่งหวัง” ด้วยความเชื่อนี้ผสานกับความน่าประหลาดใจอีกหลายด้านจึงทำให้วัดคิโยมิสึยิ่งทวีชื่อเสี่ยงโด่งดังไปทั่วญี่ปุ่น (แต่ปัจจุบันทางวัดไม่ให้กระโดดแล้ว เพราะอาจจะทำให้เสียชีวิตได้)
นอกจากการเที่ยวชมความงามของทิวทัศน์และชมตัววัดอย่างหนำใจแล้ว ถนนสายกาน้ำชาก็นับเป็นสถานที่ช้อปปิ้งที่ดึงดูดความน่าสนใจจากนักท่องเที่ยวหรือกรุ๊ปทัวร์ญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีเช่นกัน เพราะมีทั้งร้านขายถ้วยชา เครื่องปั้นดินเผาที่ตั้งวางเรียงรายกันทั้งสองฟากฝั่ง ปัจจุบันนี้มีทั้งร้านขายของฝาก และร้านขายสินค้าอีกหลายชนิดละลานตา เช่น ชุดกิโมโน ยูคาตะ รองเท้าแตะสไตล์ญี่ปุ่นทั้งแบบเกี๊ยะและโซริ รวมถึงตุ๊กตาโบราณต่างๆ เป็นต้น
6.โอวาคุดานิ หุบเขานรก (Owakudani)
หุบเขาโอวาคุดานิ หุบเขาแห่งนี้อยู่ที่ปล่องภูเขาไฟของสวนฮาโกเน่ ความโดดเด่นของหุบเขาคือ จะมีไข่ดำอันเลื่องชื่อให้ได้ชิมกัน และแม้ว่าภูเขาไฟแห่งนี้จะไม่มีการระเบิดตัวอีกแล้วก็ตาม ทว่าภายใต้ผิวดินก็ยังคงมีความร้อนระอุให้สัมผัสได้อยู่ตลอดต่อเนื่อง จึงทำให้มีน้ำพุ่งขึ้นมาบนผิวดินและมีไอควันที่ระเหยออกมาตลอดเวลาเช่นกัน อีกทั้งยังมีแร่กำมะถันที่คอยส่งกลิ่นอยู่เรื่อยๆ
สำหรับน้ำร้อนของภูเขาไฟแห่งนี้น่าทึ่งตรงที่สามารถต้มไข่ให้สุกและทำให้ไข่กลายเป็นสีดำได้ ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากได้กินไข่ที่ต้มจากหุบเขาโอวาคุดานิจะทำให้มีอายุยืนขึ้นไปอีกถึง 7 ปี ทว่าไข่ที่ต้มก็ไม่ได้มีสีดำไปถึงข้างในมากนัก แต่จะดำเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น และโดยรอบบริเวณดังกล่าวยังมีร้านค้าต่างๆ ที่จำหน่ายขนมซึ่งถือเป็นของฝากมากมายหลายชนิด โดดเด่นที่สุดก็คงจะเป็นร้านขายของชำร่วยที่ผลิตจากกำมะถัน เช่น สบู่ดำ โฟมล้างหน้าดำหรือแชมพูดำ ซึ่งสินค้าเหล่านี้ชาวญี่ปุ่นมักบอกกันว่าจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้อย่างชัดเจน
5.วนอุทยานแห่งชาติฮาโกเน่ – ล่องเรือโจรสลัดทะเลสาบอาชิ
วนอุทยานแห่งชาติฮาโกเน่เป็นวนอุทยานที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น และถูกจัดให้เป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO แล้วเรียบร้อย วนอุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงโตเกียวมากนัก เมื่อนักท่องเที่ยวมาสัมผัสพวกเขายังได้สนุกไปกับการล่องเรือโจรสลัดในแบบย้อนยุค โดยเรือโจรสลัดนั้นจะมีให้เลือกด้วยกัน 3 แบบคือ โรไวยัล วิคทอรี่และเบอร์ธา ใช้เวลาในการล่องเรือบนทะเลสาปอาชิประมาณ 30 นาที ทะเลสาปอาชินี้นับเป็นทะเลสาปที่มีความสวยตามแบบฉบับธรรมชาติ ซึ่งนับว่าสวยงามที่สุดในบรรดาทะเลสาปทั้ง 5 ที่อยู่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิก็ว่าได้
หากนักท่องเที่ยวไปเที่ยววนอุทยานแห่งชาติฮาโกเน่ วันใดที่ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆหมอกปกคลุม นั่นนับเป็นความโชคดีของคุณมากทีเดียว เพราะคุณจะได้พบกับฉากหลังซึ่งเป็นภูเขาไฟฟูจิที่ตั้งโดดเด่นอย่างตระหง่านเต็มตา นอกจากนี้ ทางทะเลสาปแห่งนี้ก็ยังมีตำนานเกี่ยวกับวัดฮาโกเน่ที่รอให้คุณเข้าไปสัมผัสความเป็นมาอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันวัดนั้นก็ได้จมอยู่ใต้ทะเลสาปเหลือให้เห็นแค่ประตูวัดแต่เพียงเท่านั้น
4.อาบน้ำแร่ออนเซน (Onsen)
นักท่องเที่ยวท่านใดที่มาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันทั้งทีแล้ว จะพลาดการมาแช่น้ำออนเซนคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะนอกจากการเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัด เมืองหรือธรรมชาติอื่นๆ แล้ว จุดเด่นของการมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คือการอาบน้ำแร่ออนเซนด้วยนั่นเองค่ะ การอาบน้ำแร่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของชาวญี่ปุ่นที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องแวะเวียนมาสัมผัสอย่างต่อเนื่องด้วยกันทั้งนั้น
การแช่น้ำแร่ธรรมชาติถือเป็นการผ่อนคลายที่ดีที่สุด ช่วยลดทั้งอาการปวดเมื่อยต่างๆ ได้ดี ทั้งนี้เนื่องจากน้ำแร่ออนเซนเป็นน้ำพุร้อนที่ผุดขึ้นมาจากใต้ผืนดิน เกิดความร้อนได้เนื่องจากอิทธิพลและแร่ธาตุต่างๆ ที่มาจากภูเขาไฟ การแช่น้ำร้อนนี้ได้รับความนิยมอย่างมากและถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าน้ำร้อนดังกล่าวมีคุณสมบัติหลายประการ ตั้งแต่การรักษาสุขภาพ กระตุ้นการไหลเวียนเลือดและทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เพราะฉะนั้น ใครที่ชอบการแช่น้ำแร่หรือชอบซาวน่าบ่อยๆ มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ห้ามพลาดการมาแช่น้ำแร่ออนเซนเด็ดขาดนะคะ
3.ภูเขาไฟฟูจิ
ภูเขาไฟฟูจิ เป็นภูเขาที่มีความสูงมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่นและมีความยิ่งใหญ่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก ถือเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของประเทศและเป็นที่โด่งดังไปทั่วมุมโลก นักท่องเที่ยวสามารถทอดตาชมความงามของภูเขาไฟฟูจิได้ก็ต่อเมื่อในยามที่ท้องฟ้าเปิดโล่ง ไร้หมอกเมฆปกคลุม สำหรับความใหญ่โตของภูเขาไฟลูกนี้ทำให้คุณสามารถมองเห็นได้ทั้งจากกรุงโตเกียวและโยโกฮาม่ากันเลยทีเดียว
นอกจากนี้แล้ว บรรยากาศโดยรอบของภูเขาไฟฟูจิยังอุดมไปด้วยเสน่ห์แห่งความเป็นธรรมชาติที่งดงามสมบูรณ์ และยังเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีทะเลสาบรายล้อมมากถึง 5 แห่ง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประเทศญี่ปุ่นจึงมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาชมความงามของภูเขาไฟฟูจิตลอดฤดูกาลอย่างไม่ขาดสาย นั่นเพราะเสน่ห์อันเปี่ยมล้นจนน่าประทับใจเช่นนี้นี่เอง…
2.พิพิธภัณฑ์ราเมน (Ramen Museum) โยโกฮาม่า
เมื่อพูดถึงราเมนหลายคนจะต้องนึกไปถึงเมนูอาหารอย่าง “ราเมน” อาหารประจำชาติญี่ปุ่นกันอย่างแน่นอน ใช่แล้วค่ะ! เมื่อคุณมาเที่ยวญี่ปุ่นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งก็คือ การมาสัมผัสรสชาติราเมนขนานแท้ที่พิพิธภัณฑ์ราเมน เพราะที่แห่งนี้จะรวบรวมราเมนรสชาติหลากหลายที่มีชื่อเสียงจากเมืองดังๆ ทั่วทั้งญี่ปุ่น และไม่ว่าจะเป็นราเมนสมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน มาที่เดียวรับรองคุณจะได้ลองลิ้มชิมกันครบทุกรสเลยล่ะ เพราะแต่ละร้านเขาได้คัดสรรสุดยอดเมนูเด็ดๆ ไว้คอยบริการมากมาย
ภายหลังจากอิ่มท้องไปกับราเมนสุดเด็ดแล้ว ทางชั้นบนของพิพิธภัณฑ์คุณยังจะได้พบกับเมืองจำลองโตเกียว การแสดงถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ความเป็นมาเกี่ยวกับราเมนอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีร้ายขายของที่ระลึกไว้บริการนักท่องเที่ยวเผื่อจะได้ซื้อของฝากที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับมาบ้านด้วย
1.วัดเซ็นโซจิ Sensoji Temple (วัดอาซากุสะ Asakusa Temple)
วัดเซ็นโซจิหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดอาซากุสะ” เป็นวัดที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโตเกียว นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อของเมืองทีเดียว สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น หากไม่ได้ไปวัดเซ็นโซจิก็ถือว่าคุณยังไปไม่ถึงประเทศญี่ปุ่นแน่นอน
วัดเซ็นโซจิมีจุดเด่นสวยงามคือ โคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ยักษ์ที่แขวนเรียงรายอยู่ตรงหน้าประตู และยังมีโคมไฟขนาดเล็กสีขาวอีกหลายโคมที่แขวนเรียงรายอย่างสวยงามไม่แพ้กัน ในส่วนบริเวณหน้าวัด เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงคุณจะพบกับกระถางธูปขนาดใหญ่ ตั้งอยู่เป็นใจกลางอย่างมหึมา ชาวญี่ปุ่นโบราณเชื่อว่าหากใครได้รับควันธูปจากกระถางนี้ติดตัวก็จะทำให้บุคคลผู้นั้นได้รับความโชคดีกลับไป ดังนั้น เราจึงเห็นผู้คนมักมายืนรวมตัวกันอยู่บริเวณกระถางธูปเพื่อรับเอาควันธูปให้ลอยเข้ามาสัมผัสถึงตัวมากมาย
นอกจากนี้ วัดเซ็นโซจิยังมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า เมื่อนำเอาน้ำจากบ่อน้ำมาล้างกายก็จะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกให้หลุดออกไปจากตัวได้ และเมื่อคุณเข้าไปเยี่ยมชมตัววัดถึงภายใน ก็อย่าลืมเข้าไปสักการะขอพรองค์เจ้าแม่กวนอิมที่สร้างโดยทองสัมฤทธิ์ ด้วยขนาดองค์ 5.5 เซนติเมตร ภายหลังจากขอพรเสร็จแล้ว อีกสิ่งหนึ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การทำบุญไหว้พระนั่นเองค่ะ โดยให้โยนเหรียญลงไปในกล่องจากนั้นตบมือ 2 แปะ พร้อมอธิษฐานขอพรและต่อด้วยการเสี่ยงเซียมซี เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธีการไหว้พระแบบฉบับญี่ปุ่นแล้ว
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน บริเวณรอบวัดก็มีร้านขายเครื่องรางของขลังและร้านขายของที่ระลึกแบบเฉพาะญี่ปุ่นมากมาย เช่น พวงกุญแจ ตุ๊กตาแมวกวัก ร่มญี่ปุ่น ดาบซามูไร ชุดกิโมโนและขนมญี่ปุ่นหลากหลายชนิด เป็นต้น